Wurkon ชวนคุย , ขอบคุณมากครับ 🙏✨
คุยสบายๆ สไตล์อาร์ต กับ ป๊อด โมเดิร์นด็อก ในบทบาทศิลปินภาพวาดแอบสแตรก (ตอนแรก)
ถ้าเอ่ยชื่อ ป๊อด โมเดิร์นด็อก หรือ ธนชัย อุชชิน ขึ้นมา สำหรับคอดนตรีก็คงไม่ต้องบอกเล่ากันให้มากความ ว่าเขาเป็นนักร้อง นักดนตรี และนักแต่งเพลง ผู้เป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องนำของวงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟสัญชาติไทยอย่าง โมเดิร์นด็อก ที่กลายเป็นตำนานหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์วงการดนตรีไทย กับผลงานชุดแรกอย่าง โมเดิร์นด็อก-เสริมสุขภาพ อันแปลกใหม่ ทรงพลัง และเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ จนโด่งดังถล่มทลายตั้งแต่ครั้งเปิดตัว และจุดกระแสดนตรีอัลเทอร์เนทีฟและโมเดิร์นร็อคให้เป็นที่แพร่หลายในวงการดนตรีเมืองไทยยุคนั้นอย่างมาก นอกจากนั้นเขายังมีบทบาทโดดเด่นในฐานะนักร้องให้กับอัลบั้มของ บอย โกสิยพงษ์ หลายอัลบั้ม ซึ่งเสียงร้องอันน่าทึ่งจนมหัศจรรย์ของเขา ก็จุดกระแสดนตรีอาร์แอนด์บีให้เป็นที่นิยมในบ้านเราอย่างสูงเช่นเดียวกัน และเขาก็ยังไม่หยุดตัวเองอยู่กับแนวทางเดิมๆ ที่คุ้นเคย หากท้าทายและทดลองกับแนวทางดนตรีหลากหลาย และแสวงหาหนทางใหม่ๆ ในงานดนตรี จนกลายเป็นนักดนตรีและนักแต่งเพลงผู้มีฝีมือและเอกลักษณ์โดดเด่นที่สุดของเมืองไทยคนหนึ่ง
แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเขายังมีอีกบทบาทหนึ่งที่ท้าทายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน นั่นคือการเป็นศิลปิน Visual Art ที่มีนิทรรศการแสดงศิลปะมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น นิทรรศการภาพถ่าย Homonid ที่หอศิลป์ About Photography ในปี 1997 และนิทรรศการ Happy Accidents ที่หอศิลป์ดีคุ้น (D kunst) ในปี 2013 และล่าสุด ในปี 2017 ที่ผ่านมา กับนิทรรศการ POD ART by Thanachai Ujjin ที่ Woof Pack Space และนิทรรศการ POD ART at YELO House ณ โครงการเยโลเฮ้าส์ (YELO House) ที่เผยให้เราได้เห็นผลงานภาพวาดแอบสแตรกสีสันสดใส เปี่ยมจินตนาการ ที่เต็มไปด้วยสเน่ห์ ความเป็นอิสระ และความท้าทาย ไม่แพ้งานเพลงของเขาเลย
นับเป็นโชคดีที่ในคราวนี้เรามีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือนเขาถึงในสตูดิโอวาดภาพอันอบอุ่นน่ารักของเขาที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และพูดคุยสนทนาถึงความเป็นมาเป็นไป และแรงบันดาลใจในการเดินบนเส้นทางสายศิลปะของเขา เพื่อเอามาเป็นของฝากให้คุณได้อ่านในช่วงวันหยุดยาวนี้กัน
……………………………………..…………............
WURKON:
แรกเลย พี่ป๊อดเริ่มเล่นดนตรีมาตั้งแต่ตอนไหนครับ
ป๊อด:
ม.ต้นครับ
WURKON:
จำได้ว่าตอนพี่ป๊อดเข้าประกวดเวที โค้ก มิวสิค อวอร์ดส์ ปกติวงที่เข้าประกวดยุคนั้นเขาจะเล่นฟิวชั่นแจ๊สอะไรกัน แต่วงพี่เล่นร็อคเลย
ป๊อด:
ใช่ครับ คือเราอยากหนีสูตรสำเร็จไง ตอนนั้นได้ไปดูเพื่อนประกวดปีก่อนหน้า แล้วก็ไปเห็นว่าแต่ละวงเหมือนจะเล่นแนวฟิวชั่นแจ๊สกันหมด เราเลยคิดในใจว่าปีหน้าเราจะตั้งวงบ้าง แต่จะเล่นเพลงที่หนวกหูที่สุด
WURKON:
ตอนนั้นเลือกเพลงอะไรไปเล่นนะครับ
ป๊อด:
หลักๆ ก็มี Smells Like Teen Spirit ของ Nirvana แล้วก็ Give It Away ของ Red Hot Chili Peppers โจทย์ของวงเรามีแค่นี้เลย คือเล่นเพลงที่หนวกหูที่สุด นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่มาเป็นโมเดิร์นด็อกจนถึงวันนี้ (หัวเราะ)
WURKON:
แต่เพลงของ โมเดิร์นด็อก หลังๆ ก็ไม่ค่อยหนวกหูแล้วนะ
ป๊อด:
วันนี้กลับอยากจะเล่นเพลงที่เงียบที่สุด แต่ถึงยังไงเราก็ยังต้องเล่นเพลงที่ตัวเองสร้างไว้ในยุคเริ่มต้น
WURKON:
แล้วหลังชนะเลิศ โค้ก มิวสิค อวอร์ดส์ ตอนนั้นมันมีความต่อเนื่องอะไรบ้าง
ป๊อด:
สมัยนั้นพวกเวทีประกวดต่างๆ ประกวดเสร็จแล้ว ก็แยกย้ายกันไป ไม่ได้มีการต่อยอดอะไร ต่างจากยุคหลังๆ ที่อาจมีการส่งต่อ เอาวงไปทำอัลบั้มโน่นนี่นั่น ซึ่งเราเองก็รู้สึกเสียดาย เพราะกว่าจะผ่านแต่ละด่านของการประกวดมาได้ มันต้องมุ่งมั่นทุ่มเทกันมาก ก็เลยบอกเพื่อนๆว่า เฮ้ย ! มาทำเพลงกันดีกว่า ทุกคนก็ตัดสินใจมาทำอัลบั้มกัน
WURKON:
ได้เอาไปเสนอค่ายไหนไหม
ป๊อด:
ตอนนั้นไม่ได้คิดเรื่องค่ายเลย แค่คิดว่าอยากทำกับใครมากกว่า พอดีไปเจอเพลงของวง TKO แล้วชอบมาก แล้วก็ไปอ่านเจอบทสัมภาษณ์ของพี่สุกี้ (กมล สุโกศล แคลปป์) ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ของ TKO เราก็เลยมาบอกเพื่อนว่า คนนี้น่าสนใจ จากนั้นก็บุกไปที่หลังเวทีของ TKO (หัวเราะ) เข้าไปเสนอตัว บอกว่า พี่ครับ ผมอยากทำงานกับพี่
WURKON:
แล้วเขาว่าไง?
ป๊อด:
เขาก็ถามประมาณว่า พวกยูคือใคร? (หัวเราะลั่น) มีอะไรให้ไอดูบ้าง เราก็เลยเอาวิดีโอตอนประกวดรอบชิง โค้ก มิวสิค อวอร์ดส์ ไปให้ จนเขาก็โทรกลับมา บอกว่า น่าสนใจนะ แต่อยากเห็นพวกเราเล่นสดด้วย ก็เลยเชิญพี่สุกี้มาที่ห้องซ้อม ตอนนั้นซ้อมกันอยู่ที่จุฬาฯ พอเขาได้ดูพวกเราเล่น ก็เซย์เยส แล้วก็เริ่มทำอัลบั้มกันหลังจากนั้น
WURKON:
คิดไหมว่าทำอัลบั้มแรกแล้วจะประสบความสำเร็จขนาดนั้น เพราะตอนนั้นนี่ดังระเบิดระเบ้อมากเลย กลายเป็นวงที่เปิดศักราชดนตรีอัลเทอร์เนทีฟในเมืองไทยวงแรกเลย
ป๊อด:
ไม่กล้าคิดนะ กะว่าทำเอามันส์อย่างเดียวเลย คือใส่สุด ไม่ได้คิดเรื่องผลลัพธ์ ตอนนั้นสุกี้ยังถามว่า ป๊อด ยูว่าเราจะขายได้เท่าไรวะ เราบอกว่า ซีเปีย ขายดี ตอนนั้นซีเปียออกมาก่อน กำลังดัง เป็นเพื่อนๆกันด้วย ซีเปียขายได้สัก 50,000 มั้ง ถ้าเราได้อย่างซีเปียก็คงดี ก็ตั้งใจไว้อย่างนั้น
WURKON:
สรุปขายไปได้เท่าไหร่นะครับตอนนั้น
ป๊อด:
ไปๆ มาๆ ตอนนั้นน่าจะเกือบล้านน่ะ น่าจะแตะล้านตลับ ตื่นเต้นมาก
WURKON:
อะไรที่ทำให้พี่ป๊อดชอบเกี่ยวกับศิลปะหรือดนตรีมาตั้งแต่ต้นครับ
ป๊อด:
จริงๆ ก็ตั้งแต่ ป.1 ป.2 จำได้ว่าเคยคุยกับแม่นะ ว่าชอบวาดรูป ระบายสี แล้วสมัยป.3 เดินผ่านห้องดนตรีไทย เห็นเขาเตร้งๆ อะไรกันอยู่ เราก็ไปเกาะกระจกดู อีท่าไหนไม่รู้ มารู้ตัวอีกที เราก็เข้าไปนั่งอยู่ในฆ้องวงเล็กแล้วน่ะ (หัวเราะ) ครูเขาจับไปเล่นฆ้องวงเล็ก ตั้งฉายาให้ว่า นกเล็ก เพราะตัวเล็กสุด (หัวเราะ) ก็เล่นดนตรีมาตั้งแต่ตอนนั้น พอเข้า ม.1 มันก็จะมีวันเลือกชุมนุมที่โรงเรียน เราก็พุ่งเข้าไปที่ชุมนุมศิลปะเลย ก็เลยกลายเป็นเด็กชุมนุมศิลป์ ไปช่วยเขาเพนท์ฉาก คัทเอาท์ เวที โน่นนี่นั่น
WURKON:
ตอนนั้นเล่นดนตรีไทยไปด้วยเหรอครับ
ป๊อด:
ดนตรีไทยนี่มาเลิกตอน ม.2 นะ มันมีเกิดเหตุการณ์ที่ว่า ตอนนั้นเริ่มจับกีต้าร์แล้ว เพราะอยากเล่นเพลง เริ่มแกะเพลง เริ่มแกะกีต้าร์ แล้วในวิชาดนตรีไทยที่โรงเรียน อาจารย์ก็ให้ทุกคนออกมาร้องเพลง ลาวดวงเดือนหน้าห้อง พอเลิกชั้น อาจารย์ก็เรียกมาคุย บอกให้เราขึ้นมาฝึกระนาดเอกหลังกินข้าวเสร็จ ตอนพักเที่ยง (หัวเราะ) ไม่รู้ว่าแกเห็นอะไรจากการร้องลาวดวงเดือนนะ เราก็ไปฝึกระนาดได้พักนึง แต่ช่วงนั้นเราก็เล่นกีต้าร์อยู่ที่บ้านด้วยไง ก็มานั่งคิดว่า เอ จะไประนาดต่อ หรือจะไปกีต้าร์ดีวะ สุดท้ายกีต้าร์ชนะ (หัวเราะ) แล้วก็เริ่มตั้งวงดนตรีตั้งแต่ตอนนั้น เริ่มหาเพื่อน ใครเล่นอะไรกันได้บ้าง แล้วก็รวมตัวกันเป็นวงตอน ม.3
WURKON:
ตอนนั้นเล่นเพลงของใคร
ป๊อด:
อัสนี-วสันต์เลย ตอนนั้นคือคลั่งมาก ตั้งวงเพราะอยากเล่น บ้าหอบฟาง มีเดือนเพ็ญ กับ Last Chritmas ด้วย มีจับกัง คาราบาว ซึ่งเป็นคนละเรื่องเลย (หัวเราะ) แนวเพลงมันต่างกันมาก แล้วก็ลงประกวดในงานสมานมิตรที่โรงเรียน ซึ่งเจอแต่วง ม.ปลายทั้งนั้น พวกเราเลยเป็นวง ม.ต้นวงเดียว มีพวกรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว ตะโกนแซว เฮ้ย นกแล โว้ย นกแล! (หัวเราะ)
WURKON:
ชนะไหม
ป๊อด:
มาชนะตอนอยู่ม.5 ครับ แต่เรื่องที่ปลื้มปริ่มมากคือ วันเสาร์นี้ (3 มีนาคม) พี่ป้อมพี่โต๊ะ ชวนเราไปเป็น Guest ที่อิมแพค หลังจาก 30 กว่าปี ตั้งแต่บ้าหอบฟางของเด็ก ม.3 วันนั้น ความจริงตลอดชีวิตการเป็นนักดนตรีของเรานี่ มีโอกาสไปเป็นแขกรับเชิญให้ศิลปินหลายคน แต่ในใจนี่รอมาตลอดเลยว่าเมื่อไหร่พี่ๆจะเรียกเรา จนเมื่อเดือนที่แล้ว ได้รับโทรศัพท์จากพี่ป้อม บอกว่า เฮ้ ป๊อด มาสนุกกันหน่อย (หัวเราะ) ซึ่งถ้าพี่ป้อมพี่โต๊ะมาเล่นเพลง บุษบา กับเราด้วยนี่จะเป็นอะไรที่ฟินมาก (ยิ้ม)
WURKON:
แล้วพอมาเล่นดนตรีแล้วได้ทำศิลปะต่อไหมครับ
ป๊อด:
พอจบม.ปลาย เราก็เอ็นติดที่ ครุอาร์ต (สาขาวิชาศิลปศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ซึ่งก็ต้องเรียนศิลปะทุกแขนงเพราะว่ามันเป็นคณะที่จบออกไปเพื่อเป็นครูศิลปะ ก็จะมีทั้งเพ้นติ้ง, ดรออิ้ง, ประติมากรรม, ภาพพิมพ์, อินทีเรีย, เขียนแบบ, ออกแบบ พอช่วงปีสามถึงมาตั้งวงโมเดิร์นด็อกเพื่อไปประกวดโค้ก พอปีสี่ก็เข้าห้องอัดทำอัลบั้มแรก จบปุ๊ปก็ออกอัลบั้ม งานเพลงเลยเป็นอาชีพแรกของเรา คือทำอาชีพโมเดิร์นด็อกมาโดยตลอด
WURKON:
ไม่ได้ทำตามสายที่เรียนมา
ป๊อด:
ใช่ครับ แต่ก็มีโอกาสได้ใช้วิชาที่เรียนมา เช่นคิดเรื่องอาร์ตเวิร์คปกอัลบั้ม หรือออกแบบเวทีเจ็ดสีคอนเสิร์ต ซึ่งตอนนั้นเราก็รู้ว่า ค่ายเราอินดี้ไม่ค่อยมีงบ แล้วเราจะทำยังไงกับเวทีดีวะ ตอนนั้นเราก็มีไอเดียว่าเฮ้ย ลองทำออกมาให้มันเป็นเหมือนเวทีลูกทุ่งงานวัดนี่แหละ ประหยัดดี ใช้โปรดักชั่นทีมงานวงลูกทุ่งมาวาดดอกไม้ มีผ้าเจ็ดสีอะไรไป สมัยนั้นก็ดูเป็นเรื่องที่ประหลาดดี (หัวเราะ)
WURKON:
การแต่งตัวของ โมเดิร์นด็อก เองก็มีความแตกต่างจากวงดนตรีร็อกในยุคนั้น คือการเอาเสื้อมือสอง เสื้อลูกเสือ เสื้อตัวเล็กๆ มาใส่
ป๊อด:
ใช่ครับ คือเราก็เห็นว่า ยุคนั้นนักร้องเค้าจะแต่งตัวให้มัน Glam หน่อย ใช้ผ้ามันๆ วาวๆ ดูหรูหรา เอ๊ะ หรือเราลองแต่งเป็นภารโรงดู ก็เลยนึกถึงเสื้อลูกเสือ เสื้อมือสอง ลองเอาสิ่งใกล้ตัวเหล่านี้มาปรับใช้ คือเราอยากเปิดมุมมองให้เห็นว่า ทุกอย่างมันเป็นไปได้ไง ความธรรมดา หรือสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวัน พวกเสื้อแถม อะไรอย่างงี้
WURKON:
ทรงผมด้วย
ป๊อด:
ใช่ครับ เรื่องทรงผม เรื่องแต่งตัวเนี่ย ก็มีสไตลิสต์มาช่วยด้วย ชื่อคุณ ฟิโอน่า เกรแฮม เป็นเพื่อนของพี่สุกี้ ซึ่งเค้าเรียนจบการแสดงจากอังกฤษมา แล้วกลับมาเมืองไทยพอดี เจอกันครั้งแรกนี่ เค้าแต่งชุดส่าหรีมาเลย ทรงผมแบบแมนจู โกนครึ่งหัว เราก็ได้คุยกันถึงทิศทางว่า พวกเราคิดอะไร ยังไง ซึ่งเราก็อยากจะดึงอะไรที่มันเป็นไทยๆ ออกมา เพราะว่าในเพลงเราก็ใช้คำศัพท์และเรื่องราวแบบไทยๆ พวก บุษบา, มานี , ทุเรียน, กะลา เราเลยอยากจะดึงความเป็นไทยออกมาใช้ ทั้งในส่วนอาร์ต, ปก, เครื่องแต่งตัว ซึ่งพี่เฟี่ยวก็ชอบด้วย ก็เลยไปเดินสำเพ็งกัน ไปหาผ้าขาวม้า ผ้าถุง ผ้าโสร่ง กลับมาตัดเป็นเสื้อ กางเกง แล้วเค้าก็ไปหาเสื้อเด็กตัวเล็กๆ มาให้เราใส่ ตอนแรกก็แบบ โอ้โหเฮ้ย ใส่แล้วดูเป็นกิ้งก่า ตุ๊กแกกันเลยว่ะ (หัวเราะ) แต่เขาก็เชียร์จนเราเชื่อ คือสมัยก่อนตอน ปี 37 เนี่ย ผู้ชายจะยังใส่เสื้อตัวใหญ่ๆ การใส่เสื้อพอดีตัวมันยังไม่มี มีแต่ตัวโคร่งๆ พวกเราก็ลองแหวกมาใส่เสื้อพอดีตัว ถึงขั้นลีบและรัดรูปด้วย บางตัวก็เอวลอยซะ เห็นสะดือเลย (หัวเราะ)
WURKON:
เรื่องการเต้นก็เหมือนกัน พี่ป๊อดมีวิธีการเต้นไม่เหมือนกับวงดนตรีในยุคนั้นเลย มันดูหลุดโลกมาก ส่วนนี้ได้มาจากไหน ได้มาจากคุณฟิโอน่าด้วยไหม
ป๊อด:
มีส่วนอย่างมากครับ เพราะว่าเราได้ทำเวิร์คช็อปกัน มันเหมือนเราได้เปิดโลก น่ะ คือพี่เฟี่ยวพยายามผลักให้เราเอาข้างในออกมา โดยไม่ไปปิดกั้น อย่างเช่นการคุยกันโดยไม่ใช้ภาษาพูด แต่ใช้เสียงแทน เหมือนเราคุยกันเป็นเสียงที่ไม่มีความหมาย (ทำเสียงประหลาดๆ) นึกออกมั้ย (หัวเราะ) มันเข้าไปสื่อกันจากใจสู่ใจเลยน่ะ ไม่ได้ใช้ความหมายของถ้อยคำน่ะ เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยู่ข้างในเรา มันก็จะพุ่งออกมา
WURKON:
มันก็เลยดูไม่เป็นแพทเทิร์น มันเหมือนไหลออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
ป๊อด:
ใช่ครับ ประกอบกับความที่เราก็เป็นเด็กดื้อด้วย ตอนนั้น อย่างเพลงกะลา ซึ่งมันก็เป็นเรื่องของการแหกกรอบออกมาจากขนบ จากการที่พ่อแม่ หรือครูวางเอาไว้ มันเลยเป็นสิ่งที่ลงตัวกันพอดี
WURKON:
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือการร้องเพลง การร้องของพี่ป๊อดในยุคนั้นค่อนข้างหลุดมาก ทั้งการบิดคำภาษาไทย การแอดลิบ การร้องมีหางเสียง คือนักร้องในยุคนั้นจะไม่ทำแบบนั้น พี่ป๊อดได้มากจากไหนเหรอครับ
ป๊อด:
คือเราชอบ Prince มากตอน ม.1 แล้ว ช่วงหนังเรื่อง Purple Rain ซึ่งก็เป็นอัลบั้มโปรดปราน เราคงได้ซึมซับมาจาก Prince ในเรื่องของการออกเสียงแบบ โซล อาร์แอนด์บี ซึ่งเป็นวิธีการร้องที่เราชอบ
WURKON:
แล้วพี่ป๊อดมีอารมณ์อยากทำเพลงแบบอาร์ตมิวสิค เพลงที่เป็นตัวเราโดยไม่สนใจคนฟังเลยบ้างไหม
ป๊อด:
ก็มีครับ คือจริงๆ ตอนที่เราเขียนเพลง หรือทำเพลง เราก็จะทำอย่างที่เราชอบจริงๆ ใช้คำว่า ทำออกมาจากใจดีกว่า ทุกๆเพลงในทุกชุด แต่ในเวลาที่ไปแสดงสดต่อหน้าผู้ชม เราก็ต้องมีการปรับให้เข้ากับพื้นที่ด้วย คือเคยไปเล่นอัลบั้ม Love Me Love My Life ตอนไปทัวร์ต่างจังหวัด แล้วเล่นเพลงชุดนั้นอย่างเดียวเลย เพราะเป็นอัลบั้มล่าสุดตอนนั้น คนในร้านก็นั่งหน้าเศร้ากัน (หัวเราะ) คือตอนนั้นเรา pure มากไง ก็คิดว่าออกชุดใหม่มา ก็ควรเล่นเพลงใหม่ แล้วก็ไปเล่นร้านที่อยู่สุดขอบชายแดน โดยไม่เล่นเพลงฮิตเลย เล่นแต่เพลงชุดใหม่ พวก เวตาล, Happiness is ... อะไรแบบนั้น ซึ่งก็รู้เลยว่าเครียดทั้งคู่ ทั้งคนดูและคนเล่น (หัวเราะ)
WURKON:
ดนตรีกับภาพวาดถึงมันจะเป็นงานศิลปะเหมือนกัน แต่มันก็มีความแตกต่างกันอยู่ตรงที่ดนตรีมันต้องเอนเตอร์เทนคนฟังมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาแสดงสด
ป๊อด:
ใช่ๆ ก็ต้องยอมรับเลยว่ามันก็คืองานเอนเตอร์เทน แต่ก็มีบางกรณี อย่างล่าสุด เดือนที่แล้ว ไปเล่นที่ร้าน Play Yard เมธีบอกว่าร้านนี้เป็นร้านที่คนดูเป็นตัวจริงที่มาเพื่อเสพดนตรี ไม่ต้องใช้เซ็ตลิสต์เอนเตอร์เทนของเราก็ได้ เราก็เลย เฮ้ย ถ้าอย่างนั้นก็สวยสิ เลยเอาเพลง side B พวก อีสานคลาสสิค, Happiness is ..., แดดส่อง, ที่จริงในใจ อะไรพวกนี้มาเล่น ซึ่งปรากฏว่าคนที่มาดูเต็มร้านประมาณ 200 คน ร้องตามทุกคำของทุกเพลง และที่อะเมซิ่งมากคือร้องแม้กระทั่งเพลงบรรเลง แบบ ตื่อ ตือ ตื้อ , ตือ ตื้อ ตื่อ (ฮัมทำนอง Happiness is ...) คือเราเล่นไปน้ำตาจะไหลอ่ะ หรืออย่างงานคอนเสิร์ตใหญ่ 22 ปี เราก็รู้ว่าเป็นงานใหญ่มาก ที่จะมีทั้งแฟนแบบฮาร์ดคอร์ที่อินกับทุกเพลง กับแฟนที่อยากจะได้ภาพรวม เราก็เลยต้องพยายามหาสัดส่วนให้เหมาะสมระหว่างเพลงฮิตกับเพลงลึก
โปรดติดตามตอนต่อไป
……………………………………..…………............
ขอบคุณภาพผลงานจาก คุณป๊อด โมเดิร์นด็อก
ถ่ายภาพบุคคลโดย อภิวัฒน์ แสงพัทธสีมา
#WURKON #art #contemporaryart #podart #painting #ธนชัยอุชชิน #โมเดิร์นด็อก #moderndog #ศิลปิน #แอบสแตรก #งานจิตรกรรม #ดนตรี #inpiration #music #song #แรงบันดาลใจจากดนตรี #แรงบันดาลใจจากงานศิลปะ
สัมผัสแรงบันดาลใจจากความคิดสร้างสรรค์แห่งการออกแบบวิถีชีวิตการทำงานยุคใหม่ได้ที่ WURKON ผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบพื้นที่สำนักงานและพื้นที่สาธารณะสมัย www.wurkon.com
สามารถติดตามข่าวสารทุกวันได้ที่ : www.facebook.com/WURKON
Tel : 02-005-3550 Fax : 02-005-2557
Official Line : @wurkon / Twitter : @wurkon / Follow Instagram : @wurkon
*** สำหรับแฟนๆ และผู้ติดตามเพจ WURKON เพื่อไม่ให้พลาดข้อมูลข่าวสาร ความรู้และความบันเทิงจากเพจของเราในทุกๆ วัน คุณสามารถตั้งค่าให้เห็นคอนเทนต์ของเราบน News Feed ได้อย่างง่ายๆ ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. เข้ามาที่เพจ WURKON
2. คลิกที่ปุ่ม Following (กำลังติดตาม) หรือ Liked (ถูกใจแล้ว) ด้านบนของเพจ WURKON
3. เลื่อนไปที่ See First (เห็นโพสต์ก่อน) แล้วคลิกเลือก
ง่ายๆ แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ แล้วท่านจะไม่พลาดเรื่องราวที่น่าสนใจจากเราอีกต่อไป